วันจันทร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2554

น้ำตกเอราวัณ



    น้ำตกเอราวัณ อุทยานแห่งชาติเอราวัณ







 ที่มารูปภาพ:http://www.google.co.th/imglanding?q=%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B9%8D%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%93&imgurl=http://1.bp.blogspot.com/_AZyGDc7H5uA/TJSZQfupunI/AAAAAAAAAPc/_PgJ3H1OFBk/s1600/%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%25931.jpg&imgrefurl=http://beepairin.blogspot.com/2010_09_01_archive.html&usg=__qjLGEIlo2nr4ArDZkUQoqqBjjO8=&h=433&w=650&sz=84&hl=th&sig2=TbYbessuq71TcRTmXbgOVA&zoom=1&tbnid=uBtaKxcUJY_RqM:&tbnh=91&tbnw=137&ei=ObZ1TdjwKIfsuAO_n7jSBQ&prev=/images%3Fq%3D%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B9%258D%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2593%26um%3D1%26hl%3Dth%26sa%3DN%26tbs%3Disch:1&um=1&itbs=1&um=1&sa=N&tbs=isch:1&start=1#tbnid=imtK9KCmQIghsM&start=17

อุทยานแห่งชาติเอราวัณ มีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ในท้องที่อำเภอเมือง อำเภอศรีสวัสดิ์ อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี น้ำตกเอราวัณ เป็นน้ำ ตกที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศด้วยอาณาเขตอันกว้างขวาง ประกอบไปด้วยภูเขาสูง หน้าผา น้ำตกเอราวัณ และน้ำตกอื่น ๆ ถ้ำ และทิวทัศน์ที่งดงามตามธรรม ชาติ ทั้งการคมนาคมที่สะดวก จึงทำให้อุทยานฯ เอราวัณ เป็นที่นิยมของ นักท่องเที่ยวเป็นอันมาก โดยมีเนื้อที่ประมาณ 550 ตารางกิโลเมตร หรือ 343,750 ไร่ ประวัติความเป็นมา
สมัย ฯพณฯ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรีได้มีมติการประชุมเมื่อ วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2502 ให้กระ ทรวงเกษตร (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในปัจจุบัน) ดำเนินการจัดตั้ง ป่าเทือกเขาสลอบ ท้องที่จังหวัดกาญจนบุรี และป่าอื่นๆ ในท้องที่จังหวัด ต่าง ๆ รวม 14 ป่า ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่ไป ดำเนินการสำรวจหาข้อมูลเบื้องต้น ตั้งแต่ พ.ศ. 2504 - 2515 โดยใช้บริเวณ น้ำตกเอราวัณ เป็นศูนย์กลางการสำรวจ พบว่าบริเวณป่าเทือกเขาสลอบ จัง หวัดกาญจนบุรี มีธรรมชาติที่สวยงามเป็นพิเศษและมีทรัพยากรธรรมชาติ ที่อุดมสมบูรณ์ ตามรายงานผลการสำรวจอุทยานแห่งชาติเขาสลอบ ลงวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ.2516 ของนายวิจารณ์ สาระนาค นักวิชาการป่าไม้โท แต่ทั้งนี้พื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตหวงห้ามที่ดินตามพระราชกฤษฎีกากำหนด เขตหวงห้ามที่ดิน ในท้องที่อำเภอเมือง อำเภอวังขนาย อำเภอบ้านทวน และอำเภอวังกะ จังหวัดกาญจนบุรี ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 55 ลงวันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ.2481 โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและ กระทรวงมหาดไทย มีหน้าที่รักษาการให้เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาดัง กล่าว กรมป่าไม้จึงรายงานให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แจ้งให้กระ ทรวงกลาโหมและกระทรวงมหาดไทย ตามหนังสือ ที่ กษ 0705/20251 และ 20252 ลงวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ.2515 ขอเพิกถอนพื้นที่เขตหวง ห้ามที่ดินบางส่วนที่เป็นป่าเทือกเขาสลอบ เพื่อเป็นพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ซึ่งคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติได้มีมติในการประชุมครั้งที่ 6/2517 เมื่อ วันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ.2517 เห็นชอบให้ดำเนินการจัดตั้งอุทยานแห่งชาติ ได้ และให้ใช้ชื่อว่า อุทยานแห่งชาติเอราวัณ ตามความนิยมและคุ้นเคย ของประชาชนที่รู้จัก น้ำตกเอราวัณ เป็นอย่างดี กระทรวงกลาโหมแจ้งไม่ขัด ข้อง ตามหนังสือกระทรวงกลาโหม ที่ กห.0318/23505 ลงวันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ.2517 และกระทรวงมหาดไทยไม่ขัดข้อง กรมป่าไม้จึงได้ดำเนินการ ขอเพิกถอนที่ดินหวงห้ามบริเวณดังกล่าว โดยมีพระราชกฤษฎีกาเพิกถอน ที่ดินหวงห้ามดังกล่าวลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ.2518 และได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าเขาสลอบ ใน ท้องที่ตำบลไทรโยค ตำบลท่าเสา ตำบลลุ่มสุ่ม อำเภอไทรโยค ตำบลหนอง เป็ด ตำบลท่ากระดาน อำเภอศรีสวัสดิ์ และตำบลช่องสะเดา อำเภอเมือง จัง หวัดกาญจนบุรี ให้เป็นอุทยานแห่งชาติในปี พ.ศ. 2518 ซึ่งประกาศไว้ใน ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 92 ตอนที่ 114 ลงวันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ.2518 นับ เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งที่ 11 ของประเทศ จุดเด่นที่น่าสนใจ
น้ำตกเอราวัณ เป็นลักษณะน้ำตกที่มีระยะทางยาวประมาณ 1,500 เมตร ติดต่อกันซึ่งแบ่งออกเป็นชั้น ๆ ได้ 7 ชั้นด้วยกัน แต่ละ ชั้นมีความสวยงามร่มรื่นไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ทั้งเถาวัลย์พันเกี่ยว ทอดตัวไปบนต้นไม้ใหญ่ กล้วยไม้ป่าหลายชนิดบนคาคบไม้ สายธาร น้ำที่ไหลตกลดหลั้นลงมาบนโขดหินสู่แอ่งน้ำเบื้องล่าง เสี่ยงสาดซ่า คลอเคล้าด้วยส่งเสียงเรียกของนกป่า ทำให้สภาพความเป็นธรรมชาติ สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น นับเป็นบรรยากาศที่เรียกเอาความมีคุณค่าของป่า เขาลำเนาไพรซึบซับเข้าสู่อารมณ์ผู้ใฝ่หาความสันโดษ และรักธรรม ชาติโดยแท้จริง ในชั้นที่ 7 อันเป็นชึ้นบนสุดของน้ำตก เมื่อมีน้ำตก ไหลบ่าจะมีรูปคล้ายหัวช้างเอราวัณ จนคนทั่วไปรู้จักและขนานนามว่า น้ำตกเอราวัณ
น้ำตกผาลั่น เป็นน้ำตกชั้นเดียวจะมีน้ำเฉพาะในฤดูฝนเท่านั้น
ถ้ำพระธาตุ เป็นถ้ำมืดที่สวยงาม มีหินงอกหินย้อยสวยงามมาก อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 790 เมตร อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยาน แห่งชาติประมาณ 12 กิโลเมตร ลักษณะภูมิประเทศ
อุทยานแห่งชาติเอราวัณ มีลักษณะพื้นที่เป็นภูเขาสูงชันอยู่ สูงจากระดับน้ำทะเล ตั้งแต่ 165 - 996 เมตร สลับกับพื้นที่ราบโดย ภูเขาส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาหินปูน (Lime Stone) ในแถบตะวัน ออกของพื้นที่จะยกตัวสูงขึ้นเป็นแนว โดยเฉพาะบริเวณใกล้น้ำ ตกเอราวัณจะมีลักษณะเป็นหน้าผา ในพื้นที่ซีกตะวันออกนี้จะมี ลำห้วยที่สำคัญคือ ห้วยม่องไล่ และห้วยอมตะลา ซึ่งไหลมาบรร จบกันกลายมาเป็น น้ำตกเอราวัณ ทางตอนเหนือของพื้นที่จะพบ ห้วยสะแดะและห้วยหนองมน โดยห้วยสะแดะจะระบายน้ำลงสู่ เขื่อนศรีนครินทร์ ส่วนห้วยหนองมนจะไหลไปรวมกับห้วยไทร โยค ก่อให้เกิดน้ำตกไทรโยคส่วนทางทิศใต้เป็นต้นกำเนิดของลำ ห้วยหลายสาย เช่น ลำห้วยเขาพัง เป็นต้น ก่อให้เกิดน้ำตกที่สวย งาม ซึ่งเรียกว่า น้ำตกเขาพัง หรือน้ำตกไทรโยคน้อย ลักษณะภูมิอากาศ สภาพภูมิอากาศของ อุทยานแห่งชาติเอราวัณ แบ่งออกเป็น 3 ฤดู คือ
1.
ฤดูฝน ระหว่างเดือนพฤษภาคม-ตุลาคม
2.
ฤดูหนาว ระหว่างเดือนพฤศจิกายน-มกราคม
3.
ฤดูร้อน ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน แต่ อุทยานแห่งชาติเอราวัณ ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตก เฉียงใต้ และตะวันออกเฉียงเหนือช่วยพัดพาให้เกิดฝน แต่เนื่องจาก พื้นที่อยู่ในเขตเงาฝน จึงมีปริมาณฝนตกไม่มากนัก และอากาศค่อน ข้างร้อน จากลักษณะอากาศดังกล่าว จึงไม่เป็นปัญหาต่อการเที่ยวชม อุทยานแห่งชาติเอราวัณ สามารถไปเที่ยวได้ทุกฤดู พันธุ์ไม้และสัตว์ป่า สภาพป่าmuj น้ำตกเอราวัณ ส่วนใหญ่เป็นป่าเบญจพรรณ ประกอบด้วยพันธุ์ไม้ที่ สำคัญ ได้แก่ มะค่าโมงตะเคียนทอง ประดู่ กว้าว มะกอก ตะแบก ฯลฯ นอกนั้นเป็นป่าเต็งรัง มีพันธุ์ไม้ คือ เต็ง รัง เหียง พลวงพยอม มะค่า แต้ เป็นต้น สัตว์ป่าประกอบด้วยสัตว์นานาชนิด ได้แก่ นกแว่น นกกระแต แต้เว๊ด ไก่ฟ้าพญาลอ นกกระปูด นกกางเขนดง นกสาริกา นกขุนทอง ชะนี กวาง อีเก้ง ไก่ป่า หมูป่า กระต่ายป่า กระรอกบิน เสือ เป็นต้น
การเดินทาง การเดินทางไป น้ำตกเอราวัณ สามารถใช้เส้นทางได้ 2 ทาง คือ
1.
เริ่มต้นจากตัวจังหวัดกาญจนบุรี ไปตามทางหลวงแผ่นดิน หมาย เลข 323 ถึงเขตการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเขื่อนศรีนครินทร์ ข้ามสะพานไปยังตลาดเขื่อนศรีนครินทร์ แล้วจึงเลยเข้าไปยังที่ทำการ อุทยานฯ ระยะทางทั้งสิ้นประมาณ 66 กิโลเมตร ถึง น้ำตกเอราวัณ
2.
ถ้าเดินทางมาจากอุทยานแห่งชาติไทรโยค จะมีเส้นทางบริเวณ บ้านวังใหญ่อยู่ตอนใต้ของน้ำตกไทรโยคน้อยประมาณ 6 กิโลเมตร ลัด ออกไปบ้านโป่งปัดบริเวณเขื่อนท่าทุ่งนาระยะทางประมาณ 19 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายไปตามถนนหมายเลข 323 อีกประมาณ 30 กิโลเมตร ก็จะ ถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติ สิ่งอำนวยความสะดวก

ที่มา:http://www.trekkingthai.com/Parks/arawan/arawan.htm

วันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2554

อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์




อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ประเภทต่างๆ 

อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ (Cyber-Crime) เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายโดยใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อโจมตีระบบคอมพิวเตอร์และข้อมูลที่อยู่บนระบบดังกล่าว ส่วนในมุมมองที่กว้างขึ้น “อาชญากรรมที่เกี่ยวเนื่องกับคอมพิวเตอร์” หมายถึงการกระทำที่ผิดกฎหมายใดๆ ซึ่งอาศัยหรือมีความเกี่ยวเนื่องกับระบบคอมพิวเตอร์หรือเครือข่าย อย่างไรก็ตาม อาชญากรรมประเภทนี้ไม่ถือเป็นอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์โดยตรง
ในการประชุมสหประชาชาติครั้งที่ 10 ว่าด้วยการป้องกันอาชญากรรมและการปฏิบัติต่อผู้กระทำผิด (The Tenth United Nations Congress on the Prevention of Crime and the Treatment of Offenders) ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงเวียนนา เมื่อวันที่ 10-17 เมษายน 2543 ได้มีการจำแนกประเภทของอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ โดยแบ่งเป็น 5 ประเภท คือ การเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต, การสร้างความเสียหายแก่ข้อมูลหรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์, การก่อกวนการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์หรือเครือข่าย, การยับยั้งข้อมูลที่ส่งถึง/จากและภายในระบบหรือเครือข่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และการจารกรรมข้อมูลบนคอมพิวเตอร์

โครงการอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์และการโจรกรรมทรัพย์สินทางปัญญา (Cyber-Crime and Intellectual Property Theft) พยายามที่จะเก็บรวบรวมและเผยแพร่ข้อมูล และค้นคว้าเกี่ยวกับอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ 6 ประเภท ที่ได้รับความนิยม ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อประชาชนและผู้บริโภค นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับขอบเขตและความซับซ้อนของปัญหา รวมถึงนโยบายปัจจุบันและความพยายามในการปัญหานี้

อาชญากรรม 6 ประเภทดังกล่าวได้แก่
  1. การเงิน – อาชญากรรมที่ขัดขวางความสามารถขององค์กรธุรกิจในการทำธุรกรรม อี-คอมเมิร์ซ(หรือพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์)
     
  2. การละเมิดลิขสิทธิ์ – การคัดลอกผลงานที่มีลิขสิทธิ์ ในปัจจุบันคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลและอินเทอร์เน็ตถูกใช้เป็นสื่อในการก่ออาชญากรรม แบบเก่า โดยการโจรกรรมทางออนไลน์หมายรวมถึง การละเมิดลิขสิทธิ์ ใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อจำหน่ายหรือเผยแพร่ผลงานสร้างสรรค์ที่ได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์
     
  3. การเจาะระบบ – การให้ได้มาซึ่งสิทธิในการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์หรือเครือข่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และในบางกรณีอาจหมายถึงการใช้สิทธิการเข้าถึงนี้โดยไม่ได้รับอนุญาต นอกจากนี้การเจาะระบบยังอาจรองรับอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ในรูปแบบอื่นๆ (เช่น การปลอมแปลง การก่อการร้าย ฯลฯ)
     
  4. การก่อการร้ายทางคอมพิวเตอร์ – ผลสืบเนื่องจากการเจาะระบบ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความหวาดกลัว เช่นเดียวกับการก่อการร้ายทั่วไป โดยการกระทำที่เข้าข่าย การก่อการร้ายทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-terrorism) จะเกี่ยวข้องกับการเจาระบบคอมพิวเตอร์เพื่อก่อเหตุรุนแรงต่อบุคคลหรือทรัพย์สิน หรืออย่างน้อยก็มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความหวาดกลัว
     
  5. ภาพอนาจารทางออนไลน์ – ตามข้อกำหนด 18 USC 2252 และ 18 USC 2252A การประมวลผลหรือการเผยแพร่ภาพอนาจารเด็กถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และตามข้อกำหนด 47 USC 223 การเผยแพร่ภาพลามกอนาจารในรูปแบบใดๆ แก่เยาวชนถือเป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎหมาย อินเทอร์เน็ตเป็นเพียงช่องทางใหม่สำหรับอาชญากรรม แบบเก่า อย่างไรก็ดี ประเด็นเรื่องวิธีที่เหมาะสมที่สุดในการควบคุมช่องทางการสื่อสารที่ครอบคลุม ทั่วโลกและเข้าถึงทุกกลุ่มอายุนี้ได้ก่อให้เกิดการถกเถียงและการโต้ แย้งอย่างกว้างขวาง
     
  6. ภายในโรงเรียน – ถึงแม้ว่าอินเทอร์เน็ตจะเป็นแหล่งทรัพยากรสำหรับการศึกษาและสันทนาการ แต่เยาวชนจำเป็นต้องได้รับทราบเกี่ยวกับวิธีการใช้งานเครื่องมืออันทรงพลังนี้อย่างปลอดภัยและมีความรับผิดชอบ โดยเป้าหมายหลักของโครงการนี้คือ เพื่อกระตุ้นให้เด็กได้เรียนรู้เกี่ยวกับข้อกำหนดทางกฎหมาย สิทธิของตนเอง และวิธีที่เหมาะสมในการป้องกันการใช้อินเทอร์เน็ตในทางที่ผิด
บทความโดย : กลุ่มพันธมิตรธุรกิจซอฟต์แวร์      
ที่มาhttp://www.microsoft.com/thailand/piracy/cybercrime.aspx

วันจันทร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2554

อาหารฝรั่ง

อาหารฝรั่ง

สูตรอาหาร : สลัดหมูแฮม

Ham_salad
ส่วนผสม
  1. หมูแฮม 200 กรัม
  2. เนื้ออกไก่ 100 กรัม
  3. หอมใหญ่หั่นเป็นแว่น 1 หัว
  4. มะเขือเทศลูกใหญ่ (หั่นเป็นแว่นแล้วผ่าครึ่ง) 2 ลูก
  5. แตงหวาหั่นเป็นแว่น 2 ลูก
  6. ผักกาดหอม 1–2 ต้น
  7. น้ำสลัดมายองเนส 3 ถ้วย
วิธีทำ
  1. นำผักทุกอย่างมาล้างให้สะอาด แช่ตู้เย็นเอาไว้ก่อนนำมาหั่น
  2. หมูแฮม หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า
  3. เนื้อไก่ ต้มหรือนึ่งจนสุก หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า
  4. วิธีจัดเสิร์ฟ นำผักทุกอย่างที่หั่นเตรียมไว้จัดลงจานที่รองก้นจานด้วยผักกาดหอม วางเนื้อไก่และหมูแฮม เสิร์ฟพร้อมน้ำสลัด หรือจะราดน้ำสลัดลงไปเลยก็ได้เช่นเดียวกัน

สูตรอาหาร : ปลาชุบเกล็ดขนมปังทอด

ผ่านพ้นเทศกาลกินเจแล้วหวังว่าเพื่อนทุกท่านจะอิ่มบุญกับการทานอาหาร ที่ไม่เบียดเบียนชีวิตในช่วงที่ผ่านมา ทีนี้ก็กลับมาสู่การใช้ชีวิตแบบปรกติกันต่อ สูตรอาหารจานเด็ดวันนี้รับรองว่าจะต้องถูกใจทุกคนเมื่อนำขึ้นโต๊ะอาหารอย่าง แน่นอน กับเมนูอาหารที่มีชื่อว่า “ปลาชุบเกล็ดขนมปังทอด” แค่ชื่อก็รู้แล้วว่าต้องอร่อย เอาหละมาดูวิธีทำกันดีกว่า
CrispyFish
ส่วนผสม
  1. เนื้อปลาอินทรี 400 กรัม
  2. ไข่ไก่ตีพอเข้ากัน 1 ฟอง
  3. เกล็ดขนมปัง 1 ถ้วย
  4. แป้งสาลี 3 ช้อนโต๊ะ
  5. เกลือป่น 1 ช้อนชา
  6. พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
  7. น้ำสลัด
  8. น้ำมันพืช
วิธีทำ
  1. ก่อนอื่นต้องนำเนื้อปลาล้างให้สะอาด เสร็จแล้วซับน้ำให้แห่งหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ
  2. นำเนื้อปลาคลุกกับเกลือ และพริกไทยให้ทั่ว
  3. นำเนื้อปลาไปคลุกกับแป้งสาลี แล้วนำมาชุบไข่ และนะไปชุบเกล็ดขนมปังต่อ
  4. ทอดในน้ำมันที่ร้อน พอเหลือง
  5. ตักใส่จาน ตกแต่งด้วยมะเขือเทศ กะหล่ำปลี มะนาว เสริฟพร้อมน้ำสลัด หรือซอสมะเขือเทศ

สูตรอาหาร : แซนด์วิชม้วนหมูหยอง

วันจันทร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2554

อาหารไทยๆ


ปลาอินทรีย์ทอดซอสเปรี้ยวหวาน

ส่วนผสม

1.ปลาอินทรีย์ 1  ขีดครึ่ง
2.หัวหอมหั่นเป็นลูกเต๋า 2  ช้อนโต๊ะ
3.กระเทียมสับ 1  ช้อนโต๊ะ  
4.มะเขือเทศหั่นเป็นลูกเต๋า  1/3  ถ้วยตวง  
5.น้ำซุป 1/2  ถ้วยตวง
6.ต้นหอมซอย 1  ช้อนโต๊ะ  
7.สับปะรด 1/2  ขีด  
8.น้ำมันพืช 2  ช้อนโต๊ะ
9.เกลือ น้ำตาลทรายขาว พริกไทยดำ  ตามใจชอบ

วิธีการทำ
1.ใส่น้ำมันลงในกระทะ ตั้งไฟพอร้อนแล้วนำปลาไปทอดจนสุกเหลืองทั้งสองด้าน ตักพักให้สะเด็ดน้ำมัน
2.ใส่หัวหอม กระเทียม ลงไปผัดกับน้ำมันประมาณ 2 ข้อนโต๊ะ พอกลิ่นหอม ตามด้วยมะเขือเทศ สับปะรดและน้ำซุป เคี่ยวไฟอ่อนๆประมาณ 10 นาทีจนน้ำงวด
3.ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย น้ำตาลทราย โดยให้ครบ 3 รสทั้งรสเปรี้ยว หวาน และเค็ม แล้วตักราดบนชิ้นปลาทอด ตกแต่งด้วยต้นหอมให้สวยงาม
ที่มาhttp://www.horapa.com/content.php?Category=Thai&No=1097

ราดหน้ารวมมิตรเจ



ส่วนผสม


1.น้ำมันพืช  3  ช้อนโต๊ะ 
2.เส้นหมี่แช่น้ำ หั่นยาวพอประมาณ   2  ถ้วยตวง 
3.ซอสปรุงอาหารตราแม็กกี้   5  ช้อนโต๊ะ 
4.น้ำมันพืชสำหรับผัด  3  ช้อนโต๊ะ 
5.ฟองเต้าหู้แช่น้ำ หั่นชิ้นพอคำ  1/4  ถ้วยตวง 
6.เต้าหู้แข็ง หั่นชิ้นพอคำ  1/4  ถ้วยตวง 
7.เห็ดหอมแช่น้ำ หั่นเป็นเส้นๆ   1/4  ถ้วยตวง 
8.ดอกข้าวโพดอ่อน ผ่าซีก  5  ดอก 
9.ถั่วลันเตา  10  ฝัก 
10.กะหล่ำปลี หั่นชิ้นพอคำ  1/4  ถ้วยตวง 
11.แครอท หั่นชิ้นพอคำ  1/4  ถ้วยตวง 
12.ดอกกะหล่ำ หั่นชิ้นพอคำ  1/4  ถ้วยตวง 
13.แป้งข้าวโพด  2  ช้อนโต๊ะ 
14.น้ำเปล่า  1/4  ถ้วยตวง 
15.น้ำตาลปึก  1  ช้อนโต๊ะ 

วิธีทำ
1. สูตรอาหารราดหน้ารวมมิตรเจนั้น เริ่มจากการผัดเส้นหมี่กับน้ำมันพืช ปรุงรสด้วยซอสปรุงอาหารตราแม็กกี้ 2 ช้อนโต๊ะ ผัดให้เข้ากัน ตักขึ้นใส่จานพักไว้
2. ขั้นตอนต่อมาก็ใส่น้ำมันพืชลงกระทะ ตามด้วยเต้าหู้ เห็ดหอม

  ที่มา  http://www.horapa.com/content.php?Category=Thai&No=1093

เมี่ยงปลาทูน่า



ส่วนผสม
ปลาทูน่าในน้ำเกลือ (ใช้เฉพาะเนื้อ) 1 กระป๋อง
ถั่วลิสงคั่ว 1/4 ถ้วย
ขิงอ่อนหั่นสี่เหลี่ยมเล็ก 1/4 ถ้วย
มะนาวหั่นสี่เหลี่ยมเล็ก 2 ลูก
หอมเล็กหั่นสี่เหลี่ยมเล็ก 1/4 ถ้วย
ตะไคร้ซอย 4 ต้น
ใบมะกรูดซอย 5-6 ใบ
ใบสะระแหน่ 1/2 ถ้วย
พริกขี้หนูแดงสับละเอียด 10 เม็ด
กระเทียมสับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 1/4 ถ้วย
น้ำปลา 4 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
ผักกาดแก้ว ผักกาดหอม หรือผักสลัด

วิธีทำ
1. ผสมน้ำมะนาว น้ำปลาและน้ำตาลทรายเข้าด้วยกัน คนจนน้ำตาลละลาย
2. เติมพริกขี้หนูและกระเทียมลงไป คนพอเข้ากัน
3. ใส่ปลาทูน่า ถั่วลิสง ขิง มะนาว หอมเล็ก ตะไคร้ ใบมะกรูด และใบสะระแหน่ลงในส่วนผสมที่เตรียมไว้ เคล้าเบาๆให้เข้ากัน
4. ตักปลาทูน่าใส่ถ้วย เสิร์ฟพร้อมผักกาดแก้ว ผักกาดหอมหรือผักสลัด

เคล็ดลับ
แช่ผักสดในตู้เย็นก่อนเสิร์ฟจะทำให้ผักกรอบและสด น่ารับประทานยิ่งขึ้น

ฟองเต้าหู้ ผัดจนสุก แล้วใส่ดอกข้าวโพด แครอท ถั่วลันเตา ดอกกะหล่ำ และกะหล่ำปลี ผัดจนสุก
3. ปรุงรสด้วย ซอสปรุงอาหารตราแม็กกี้ ที่เหลืออีก 3 ช้อนโต๊ะ ใส่น้ำตาลปึก ชิมรสตามชอบ แล้วผสมแป้งข้าวโพดกับน้ำเปล่า ใส่ลงไปในส่วนผสมคนให้เข้ากันจนแป้งสุก ยกลงราดบนเส้นหมี่ที่เตรียมไว้ แค่นี้คุณก็จะได้สูตรอาหารเมนูเจรสเลิศไปรับประทานกันแล้ว
              ที่มา  http://www.horapa.com/content.php?Category=Thai&No=1050

วันจันทร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2553

อาหารญี่ปุ่น

อาหารญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น เป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องอาหารการกินเป็นอย่างมาก อาหารจะได้รับการตกแต่งอย่างปราณีต เน้นความสดและความสวยงาม ทำให้ผู้ที่ได้ชิมก็ได้รู้สึกว่าได้บริโภคความงามลงไปด้วย อิ่มตาและอิ่มท้องเลยละค่ะ ร้านอาหารในญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะแขวนโคมแดงอยู่หน้าร้าน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์การกินดื่มของญี่ปุ่น อาหารที่นิยมทานกันในหมู่คนญี่ปุ่น ก็จะเป็นจำพวกปลา เช่น ปลาทอดตามแบบฉบับของญี่ปุ่น อาหารทะเล อาหารประเภทปิ้งหรือย่าง เช่น ยากิโตริ (yakitori-ไก่เสียบไม้ปิ้ง) ข้าวปั้นทอด ซาซิมิ (sashimi) และโซบะ ราเม็ง

บะหมี่ : คนญี่ปุ่นนิยมกินบะหมี่กันตลอดทั้งปี บะหมี่มี 3 ชนิดหลักๆด้วยกัน คือ โซบะ, อุด้ง และ โซเม็ง

โซบะ : ทำ จากบักวีต เส้นจะมีสีน้ำตาลบาง ผู้คนนิยมทานโซบะกันมากที่สุด เพราะติดใจในแป้งบักวีต โดยเฉพาะรสชาติที่อร่อยของเส้นที่ไม่ผสมแป้งชนิดอื่นลงไปมากนัก โดยทั่วไปโซบะจะเสิร์ฟพร้อมวาซาบิ (wasabi) หอมหัวใหญ่ฝาน น้ำจิ้มทำจากมิริน (mirin-สาเกหวาน) และคัตสึโอะบูชิ (เกล็ดปลาแห้ง) โซบะแบบนี้หากเสิร์ฟแบบเย็นบนซารุหรือถาดไม้ไผ่ จะเรียกว่า ซารุโซบะ (zarusoba) ซึ่งเป็นอาหารยอดนิยมในหน้าร้อน
โซเม็ง : เป็นบะหมี่นิยมทานในหน้าร้อนเช่นกัน เส้นของโซเม็งทำจากข้าวสาลี (sobako-ข้าวสาลี) ดังนั้นเส้นจึงมีสีขาวนวลและเส้นจะบางกว่าโซบะ เส้นโซเม็งจะนุ่มสามารถดัดแปลงทำอาหารได้หลายอย่าง โซเม็งสามารถเสิร์ฟแบบโงะโมะคุ (gomoku-ห้ารส) โดยโรยไข่เจียวซอยเส้น ไก่ และผักต่างๆ หรือเสิร์ฟแบบโงะมะดาเระ (gomadare) ที่มีมะเขือยาว ปลา และชิโสะ (shiso) เป็นเครื่องเคียง เสิร์ฟแบบเย็นก็มี เรียกว่า ฮิยะชิ-hiyashi ที่ใส่แต่ซอสถั่วเหลืองผสมน้ำมันงา โซเม็งเป็นอาหารเบาๆที่ช่วยทำให้สดชื่นในหน้าร้อน
อุด้ง : เป็นอาหารยอดนิยมในหน้าหนาว อุด้งทำจากข้าวสาลี และมีเส้นหนาถึงหนามาก โดยจะเสิร์ฟพร้อมน้ำซุปซอสถั่วเหลืองร้อนๆ หอมหัวใหญ่ฝาน ผักชนิดต่างๆและไข่ อุด้งจะต่างจากโซบะและราเม็งเวลารับประทานตรงที่ ไม่ต้องจุ่มเส้นในน้ำซุปก่อนรับประทาน เส้นอุด้งจะมีขนาดเส้นที่ใหญ่และเหนียวนุ่ม จึงให้ความอบอุ่นเป็นอย่างดีในหน้าหนาว
วิธีการกินบะหมี่ญี่ปุ่นให้อร่อย จะใช้ตะเกียบคีบและกลืนลงคอด้วยเสียงอันดังตามแบบญี่ปุ่น บางคนอาจจะเขินที่กินเสียงดัง ซู้ดซาด แต่ที่นี่ถือเป็นมารยาทที่ยอมรับกันทั่วไป ให้เกียรติแก่คนทำที่ทำบะหมี่อร่อยๆให้ทาน ผู้เชี่ยวชาญ(การกิน) กล่าวว่าเสียงยิ่งดัง ยิ่งอร่อย นะจะบอกให้...

ซูชิและซาซิมิ
: เป็น การผสมผสานของรสชาติและหน้าตาอาหาร อาหารทั้งสองชนิดเป็นอาหารทะเลดิบที่คนญี่ปุ่นโปรดปราน และตอนนี้ก็น่าจะเป็นอาหารยอดฮิตในเมืองไทยด้วย ซูชิที่ทีต้องใช้ส่วนผสมคุณภาพดี ข้าวก็ต้องผ่านการอบและออกรสเปรี้ยวพอดี ส่วนเครื่องโรยหน้าก็ต้องสด คนที่ชอบปลาดิบและอาหารทะเลสดๆ ทานคู่กับวาซาบิ อื้อฮือ..ขึ้นจมูกน้ำหูน้ำตาไหล แต่อาย่อย ถ้าไปที่ญี่ปุ่นแล้วยังไม่คุ้นกับเมนูไม่รู้จะทานอะไรดี ลองไปนั่งที่ไคเต็นซูชิยะ (kaitensushi-ya) ซึ่งเป็นร้านที่เป็นเคาน์เตอร์ มีจานซูชิหน้าต่างๆไหลไปตามสายพาน ชอบใจอันไหนก็หยิบมาได้เลย แถมราคาไม่แพงอีกด้วย

นาเบโมโนะ : เป็นอาหารประเภทหม้ออุ่นร้อนๆ ญี่ปุ่นมีอาหารจานร้อน (นาเบะเรียวริ-nabe-ryori) ให้ลิ้มลองทุกพื้นที่ นาเบะโมโนะเป็นอาหารของฤดูหนาวที่ขึ้นชื่อ นอกจากนี้ยังมี อิชิคารินาเบะ ที่ใส่ปลาแซลมอน หัวหอม ผักกาดขาว เต้าหู้ คอนยะกุ(หัวบุก) และชุงงิกุ(ใบตั้งโอ๋), โฮโต (hoto) ที่ใส่อุด้ง ไดกง(หัวไชเท้า) นินจิน(แครอท) โกะโบ หัวหอม ผักกาดขาว และไก่ และชิรินาเบะ ที่ใส่เนื้อปลาปักเป้าขาว ผักกาดขาว เห็ด เต้าหู้และเส้นหมี่ขาว
ส่วน อาหารจานด่วนแบบโตเกียว คือ โอเด็งนาเบะ ซึ่งใส่มันฝรั่ง เต้าหู้ บุก ไข่ต้ม ปลาหมึก แครอท หัวไชเท้า สาหร่ายทะเล และอื่นๆตามสูตร โอเด็งเป็นอาหารที่หาซื้อได้ง่าย มีขายตามร้านสะดวกซื้อ และให้ความอบอุ่นเป็นอย่างดีในหน้าหนาว

สึเกโมโนะ : ก็คือผักดองแบบญี่ปุ่น(tsukemono) อาหารญี่ปุ่นทุกมื้อจะเสิร์ฟพร้อมสึเกโมโนะ ซึ่งเป็นเครื่องเคียงเสริมหน้าตาและรสชาติให้อาหารน่ารับประทานมากขึ้น นอกจากนี้ผักดองยังช่วยล้างปาก ล้างคาวเพื่อลิ้มลองอาหารชนิดใหม่ เช่น ถ้าทานปลาดิบ แล้วตามด้วยผักดอง จะช่วยล้างความคาวออกจากปาก เพื่อหันไปลองเทมปุระกุ้ง ที่ชิมความหวานของกุ้งได้เต็มปากเต็มคำ ส่วนผสมของผักดองจะต่างไปตามฤดูกาลและมีความหลากหลาย ที่นิยมทานกันทั่วไป คือ ผักกาดขาว ไผ่ หัวผักกาด คิวริ(แตงกวาญี่ปุ่น) แฮกเบอร์รี่ หัวไชเท้า ขิง นะสุ(มะเขือยาวญี่ปุ่น) อูโดะ(หน่อไม้ฝรั่ง) และอื่นๆ



เบ็นโต : เนื่องจากความรีบเร่ง จึงเกิดอาหารจานด่วนที่จัดลงในกล่องสวยงาม อาหารกล่องอย่างเบ็นโตราคาไม่แพง ซื้อหาสะดวกได้ตามร้านสะดวกซื้อ เบ็นโตถึงแม้จะเป็นอาหารราคาประหยัดแต่ก็จัดเรียงอย่างสวยงาม ในกล่องที่มีช่องเล็กช่องน้อยเพื่อวางอาหารและเครื่องเคียง สังเกตว่าร้านอาหารญี่ปุ่นในเมืองไทย เบ็นโตก็เป็นเมนูที่ได้รับความนิยมจากผู้ที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่น เพราะมีอาหารหลายอย่างบรรจุลงในกล่อง เรียกได้ว่าชิมอย่างละนิดละหน่อยแต่หลากหลาย
ที่มา  http://www.siamkane.com/content.php?id=39

วันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ไข่ต๋น


ไข่ตุ๋นปูอัด
ใครที่มีเด็กอยู่ในบ้าน อาจจะเคยพบกับปัญหานี้
เด็กเบื่ออาหาร อะไรอะไร ก็ไม่อร่อย
ถ้าใช่ เราขอแนะนำ เมนูอาหารสำหรับเด็ก
ไข่ตุ๋นปูอัด
ทำง่าย แต่อร่อยล้ำ
ก็ ลองเอาไปทำทานกันดูนะจ๊ะ

เครื่องปรุง
1. ไข่ไก่(เบอร์ 1) 3 ฟอง
2. น้ำเปล่า
3. ปูอัด 3-4 แท่ง(หั่นแทยง)
4. แครอทหั่นลูกเต๋าเล็ก 2 ช้อนโต๊ะ
หั่นแท่งเล็กน้อย


5. ต้นหอมซอย เล็กน้อย
6. ซิอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
7. ซอสปรุงรส 2 ช้อนชา
8. น้ำปลา 1/2 ช้อนโต๊ะ
1. ใส่น้ำในลังถึง จากนั้นนำลังถึงตั้งไฟ ระหว่างรอน้ำเดือด ตอกไข่ใส่ชาม ใช้ซ่อมตีไข่ให้ไข่แดงและไข่ขาวเข้ากัน ปรุงรสด้วย ซิอิ๊วขาว ซอสปรุงรส และน้ำปลา จากนั้นค่อยๆ เติมน้ำเปล่าลงไป คนให้เข้ากัน ใส่ปูอัดและแครอท ที่หั่นเตรียมไว้ส่วนหนึ่งลงในชาม แบ่งไว้ส่วนหนึ่ง เอาไว้แต่งหน้า จากภาพจะเห็นแครอทลอยอยู่บนไข่ ส่วนปูอัดจะจมอยู่ด้านล่างค่ะ
2. พอน้ำเดือด นำชามไข่ที่เตรียมไว้ ใส่ในลังถึงปิดฝา ใช้ไฟปานกลาง นึ่งประมาณ 20 นาที เมื่อไข่สุกจะได้ไข่ตุ๋นหน้าตาประมาณในภาพ ถึงขั้นตอนนี้อาจจะยังไม่ต้องให้ไข่สุก ทั้ง 100 % ก็ได้ค่ะ เพราะเดี๋ยวต้องแต่งหน้าแล้วนึ่งต่ออีก เอาเป็นว่าให้เกือบสุกก็แล้วกัน
เวลาที่ใช้ในการนึ่งจะไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับไข่ว่าเป็นไข่ที่ออกจากตู้เย็นหรือเปล่า และไฟที่ใช้บางทีอาจจะไม่เท่ากัน แต่ที่สำคัญ เวลาใส่ชามไข่ในลังถึง ต้องรอให้น้ำเดือดก่อนค่ะ

3. แต่งหน้าไข่ตุ๋นด้วย ปูอัด โรยแครอทแบบแท่ง ต้นหอมหั่นฝอย จากนั้นปิดฝาลังถึง นึ่งต่อประมาณ 2-3 นาที ให้ปูอัดและผักสุก ยกเสิร์พ ทานร้อนๆ อร่อยมากขอบอก
วิธีทดสอบว่าไข่สุกแล้วหรือยัง ให้ใช้ช้อนหรือซ่อมแทงลงไปที่เนื้อไข่ จิ้มลงไปเบาๆ ก็พอนะคะ ไม่ใช่กวนไข่ ถ้าไข่สุกเนื้อไข่จะเกาะกันดี หากเป็นน้ำสีไข่ดิบไหลขึ้นมา ก็แสดงว่าอาจจะยังสุกไม่ทั่วดี ปิดฝานึ่งต่ออีกหน่อยค่ะ